โครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563: ก้าวสู่หนทางแห่งอิสรภาพทางการเงิน

คำนำ

หนี้นอกระบบเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยหลายล้านคน สร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสให้กับทั้งตัวลูกหนี้และครอบครัว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้หลายคนตกงานและขาดรายได้

รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้ริเริ่ม โครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 ขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ติดอยู่ในวังวนของหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยโหดและเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม ให้สามารถหลุดพ้นจากหนี้สินได้อย่างยั่งยืน

โครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่ติดหนี้นอกระบบกับนายทุนรายใดก็ตามเข้าร่วมโครงการ ผ่านขั้นตอนที่ง่ายดายและไม่ยุ่งยาก สามารถยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือได้ที่สถาบันการเงินของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และ SME Development Bank (SME Bank)

จุดเด่นของโครงการ

โครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 มีจุดเด่นหลายประการที่ช่วยให้ลูกหนี้สามารถหลุดพ้นจากหนี้สินได้อย่างแท้จริง ได้แก่

• ดอกเบี้ยต่ำสุด 0.01% ต่อปี: ลูกหนี้จะได้รับการยกหนี้ส่วนต่างที่สูงกว่าดอกเบี้ยต่ำสุด และจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่เกิน 0.01% ต่อปี
• ระยะเวลายืดหยุ่น: ลูกหนี้สามารถเลือกผ่อนชำระหนี้ได้สูงสุด 10 ปี โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะปรับปรุงพฤติกรรมการใช้เงิน (ไม่เกิน 2 ปี) ระยะพักหนี้ (ไม่เกิน 3 ปี) และระยะผ่อนชำระหนี้ (ไม่เกิน 5 ปี)
• ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร: โครงการจะไม่ตรวจสอบเครดิตบูโรของลูกหนี้ ทำให้ผู้ที่มีประวัติติดเครดิตบูโรสามารถเข้าร่วมโครงการได้
• การไกล่เกลี่ยหนี้: ลูกหนี้จะได้รับคำแนะนำและการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ธนาคารในการไกล่เกลี่ยหนี้กับนายทุนนอกระบบ เพื่อตกลงเรื่องยอดหนี้และเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เป็นธรรม

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ

เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง โครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 จึงกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ ดังนี้

• เป็นบุคคลธรรมดาที่เป็นลูกหนี้นอกระบบ
• มีหนี้สินจากหนี้นอกระบบกับนายทุนรายใดก็ตาม ไม่เกิน 2 ล้านบาท ต่อราย ต่อครอบครัว
• มีรายได้ประจำไม่เกิน 3 เท่าของค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัด (ประมาณ 18,000 บาทต่อเดือน)
• ไม่เป็นลูกหนี้ในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและฟื้นฟูเครดิตของรัฐบาลที่ผ่านมา

ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ

การเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 สามารถแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1. ลงทะเบียนยื่นคำร้อง: ลูกหนี้สามารถไปลงทะเบียนยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือได้ที่สถาบันการเงินของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ โดยต้องนำบัตรประชาชน เอกสารแสดงรายได้ และหลักฐานหนี้นอกระบบไปประกอบการยื่นคำร้อง
2. เจ้าหน้าที่ประเมินคุณสมบัติ: เจ้าหน้าที่ธนาคารจะทำการประเมินคุณสมบัติของลูกหนี้ว่าตรงตามที่กำหนดไว้หรือไม่ และจะช่วยไกล่เกลี่ยหนี้กับนายทุนนอกระบบเพื่อตกลงเรื่องยอดหนี้และเงื่อนไขการชำระหนี้
3. ลงนามในสัญญาและชำระหนี้: เมื่อตกลงกันได้แล้ว ลูกหนี้จะต้องลงนามในสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคาร และเริ่มชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

แนวทางการลงทะเบียนยื่นคำร้อง

ลูกหนี้สามารถลงทะเบียนยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือได้ 2 ช่องทาง ได้แก่

• ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th
• ลงทะเบียนที่สาขาของธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธอส. และ SME Bank ทั่วประเทศ

กลุ่มเป้าหมาย

โครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้นอกระบบรวมกันไม่เกิน 140,000 ราย โดยครอบคลุมลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่

• ลูกหนี้ที่มีปัญหาในการชำระหนี้นอกระบบ
• ลูกหนี้ที่ถูกนายทุนนอกระบบทวงหนี้ด้วยวิธีรุนแรง
• ลูกหนี้ที่ประสงค์จะปรับปรุงพฤติกรรมการใช้เงิน

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

คาดว่าโครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 จะช่วยให้

• ลูกหนี้รายย่อยจำนวน 140,000 ราย หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบ
• มูลค่าหนี้สินที่จะได้รับการแก้ไขไม่น้อยกว่า 350,000 ล้านบาท
• ลดปัญหาการทวงหนี้ด้วยวิธีรุนแรง
• ส่งเสริมให้เกิดสังคมที่เป็นธรรมและมีเมตตา

ข้อควรระวัง

แม้โครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563 จะเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ แต่ลูกหนี้ควรระมัดระวังในด้านต่อไปนี้

• ลูกหนี้ต้องมั่นใจว่าสามารถชำระหนี้ได้ตรงตามกำหนด เนื่องจากหากผิดนัดชำระอาจถูกฟ้องร้องหรือบังคับคดีได้
• ลูกหนี้ควรใช้เงินอย่างระมัดระวังและไม่ก่อหนี้เพิ่ม เพราะหากก่อหนี้เพิ่มอีกจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้อีก

ตารางสรุปข้อมูลโครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563

ตารางเปรียบเทียบหนี้นอกระบบกับหนี้ในโครงการ

ตารางขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ 2563