กะหล่ำปลี: ผักใบเขียวทรงพลังเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
กะหล่ำปลี ผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มากมาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชินีแห่งผักใบเขียว"
ประโยชน์มากมายของกะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และยังมีวิตามินซีและเคที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพของกระดูก
-
ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง: กะหล่ำปลีมีสารซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะต่อมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
-
เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ: กะหล่ำปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหารที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต
-
ปรับปรุงสุขภาพทางเดินอาหาร: กะหล่ำปลีอุดมไปด้วยใยอาหารที่ช่วยส่งเสริมการย่อยอาหารเป็นปกติและป้องกันอาการท้องผูก
-
ลดการอักเสบ: กะหล่ำปลีมีสารต้านการอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ และโรคเบาหวาน
ข้อมูลทางโภชนาการ
กะหล่ำปลี 100 กรัม ให้สารอาหารดังต่อไปนี้:
สารอาหาร |
ปริมาณ |
แคลอรี่ |
25 |
คาร์โบไฮเดรต |
5 กรัม |
โปรตีน |
3 กรัม |
ใยอาหาร |
2 กรัม |
วิตามินซี |
65 มก. |
วิตามินเค |
105 มก. |
กรดโฟลิก |
55 มก. |
โพแทสเซียม |
200 มก. |
ชนิดของกะหล่ำปลี
มีกะหล่ำปลีหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะและรสชาติที่แตกต่างกัน
-
กะหล่ำปลีม่วง: มีสารต้านอนุมูลอิสระแอนโทไซยานินสูง ซึ่งเป็นสารให้สีม่วงและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
-
กะหล่ำปลีหางหงส์: มีลักษณะเป็นทรงกระบอกที่ยื่นยาวและมีใบสีเขียวอ่อน รสชาติหวานและกรอบ
-
กะหล่ำปลีปักกิ่ง: มีใบสีเขียวอ่อนยาวและก้านใบสีขาวกรอบ รสชาติอ่อนและมีรสหวานเล็กน้อย
-
กะหล่ำปลีดาควอย: มีใบสีเขียวเข้มหยักและก้านใบสีขาวหนา รสชาติเข้มข้นและเผ็ดเล็กน้อย
การเลือกและการเก็บรักษากะหล่ำปลี
เมื่อเลือกกะหล่ำปลี ให้มองหากะหล่ำที่มีหัวแน่นและไม่มีจุดช้ำหรือรอยฟกช้ำ ใบควรเป็นสีสดใสและกรอบ
หากต้องการเก็บกะหล่ำปลี ให้ลอกใบที่ด้านนอกออกและเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 1 สัปดาห์
การนำกะหล่ำปลีไปปรุงอาหาร
กะหล่ำปลีสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายวิธี เช่น
-
ผัด: ผัดกะหล่ำปลีกับผักอื่นๆ และเครื่องปรุงรสเพื่อทำอาหารผัด
-
ต้ม: ต้มกะหล่ำปลีจนนิ่มแล้วปรุงรสเป็นสลัด
-
ย่าง: ย่างกะหล่ำปลีจนกรอบแล้วราดน้ำมันมะกอกและโรยเกลือ
-
ใส่ในสลัด: หั่นกะหล่ำปลีฝอยและใส่ในสลัดเพื่อเพิ่มปริมาณและสารอาหาร
สูตรอาหารแนะนำ
สลัดกะหล่ำปลีหั่นฝอยกับแครอทและหัวหอม
- กะหล่ำปลี 1/2 หัว หั่นฝอย
- แครอท 2 หัว หั่นฝอย
- หัวหอม 1/4 หัว หั่นฝอย
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือและพริกไทยตามชอบ
ผสมส่วนผสมทั้งหมดในชาม เคล้าให้เข้ากัน และเสิร์ฟทันที
ผัดกะหล่ำปลีกับเต้าหู้
- กะหล่ำปลี 1/2 หัว หั่นชิ้นพอคำ
- เต้าหู้ 1/2 ก้อน หั่นชิ้นพอคำ
- ซอสโชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- งาคั่วเล็กน้อย
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอร้อนแล้วนำเต้าหู้ลงไปทอดจนเหลืองกรอบ แล้วนำขึ้นพักไว้ ในกระทะใบเดียวกัน ใส่น้ำมันพืชอีกเล็กน้อย แล้วนำกะหล่ำปลีลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยซอสโชยุ ซอสถั่วเหลือง และน้ำมันงาตามชอบ ใส่เต้าหู้ที่พักไว้ลงไป แล้วผัดให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ
กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
เพื่อเพิ่มการบริโภกกะหล่ำปลีในอาหารประจำวัน คุณสามารถใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้:
-
เพิ่มกะหล่ำปลีในสลัดและสมูทตี้: หั่นกะหล่ำปลีฝอยและใส่ในสลัด หรือใส่ในสมูทตี้เพื่อเพิ่มสารอาหาร
-
ใส่กะหล่ำปลีในซุปและสตูว์: หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นพอคำและใส่ในซุป สตูว์ หรือแกง เพื่อเพิ่มปริมาณและสารอาหาร
-
ย่างหรือผัดกะหล่ำปลีเป็นเครื่องเคียง: ย่างหรือผัดกะหล่ำปลีจนกรอบและปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสที่คุณชอบ เพื่อเป็นเครื่องเคียงที่ดีต่อสุขภาพ
-
ทำน้ำกะหล่ำปลีหมักดื่ม: น้ำกะหล่ำปลีหมักเป็นเครื่องดื่มหมักที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติก มีประโยชน์ต่อสุขภาพทางเดินอาหาร
เรื่องราวที่น่าสนใจ
-
กะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก: ในปี 2020 กะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลกลงกินเนสส์เวิลด์เร็กคอร์ด มีน้ำหนักกว่า 62 กก. ปลูกในเมืองอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
-
กะหล่ำปลีที่แพงที่สุด: ในปี 2012 กะหล่ำปลีหัวหนึ่งในงานประมูลในญี่ปุ่นถูกขายไปในราคา 1.5 ล้านเยน (ประมาณ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
-
กะหล่ำปลีที่แปลกที่สุด: ในปี 2019 ชาวนารายหนึ่งในประเทศอังกฤษปลูกกะหล่ำปลีที่มีลักษณะคล้ายกับใบหน้าของมนุษย์อย่างน่าทึ่ง
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง
-
ปรุงกะหล่ำปลีมากเกินไป: การปรุงกะหล่ำปลีมากเกินไปจะทำให้สูญเสียสารอาหารและรสชาติ
-
รับประทานกะหล่ำปลีดิบมากเกินไป: การรับประทานกะหล่ำปลีดิบมากเกินไปอาจทำให้มีแก๊สและท้องอืด
-
ล้างกะหล่ำปลีไม่สะอาด: ควรล้างกะหล่ำปลีให้สะอาดก่อนรับประทานเพื่อขจัดแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อน
คำถามที่พบบ่อย
1. กะหล่ำปลีเป็นผักที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์หรือไม่
答: