น้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด แก้ได้ง่ายๆ

เกริ่นนำ

น้ำมูกไหลเป็นหนึ่งในอาการไม่สบายทางจมูกที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งอาจเกิดจากหลากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้ หวัด หรือการติดเชื้อในโพรงจมูก หากน้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด อาจเป็นสัญญาณของอาการแพ้หรือหวัด ไม่ใช่การติดเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้น วิธีการรักษาก็จะแตกต่างกันออกไป

สาเหตุของน้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด

• ภูมิแพ้: สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น หรือขนสัตว์ สามารถกระตุ้นให้เยื่อบุจมูกสร้างน้ำมูกใสๆ มากเกินไปได้
• หวัด: เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดหวัดจะทำให้เยื่อบุจมูกบวมและสร้างน้ำมูกใสๆ เพื่อชะล้างเชื้อไวรัสออกไป
• ปัจจัยอื่นๆ: ได้แก่ อากาศเย็น การสูดควันบุหรี่ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความเครียด

วิธีแก้ไขน้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด

หากน้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด และสงสัยว่าเกิดจากภูมิแพ้หรือหวัด แนะนำให้ทำตามวิธีแก้ไขเหล่านี้

• หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้: หากมีอาการแพ้ให้พยายามหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการ เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น หรือขนสัตว์
• ใช้ยาแก้แพ้: ยาแก้แพ้มีส่วนผสมของสารต้านฮีสตามีนที่ช่วยลดอาการแพ้ต่างๆ รวมถึงน้ำมูกไหล
• ใช้สเปรย์พ่นจมูก: สเปรย์พ่นจมูกที่มีส่วนผสมของสารต้านฮีสตามีนหรือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์สามารถช่วยลดการอักเสบและน้ำมูกไหลได้
• ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสามารถช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้และเชื้อไวรัสออกจากโพรงจมูกได้
• พ่นยาพ่นลดอาการคัดจมูก: ยาพ่นลดอาการคัดจมูกสามารถช่วยลดการบวมของเยื่อบุจมูกและทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น
• พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนให้เพียงพอสามารถช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นและลดอาการน้ำมูกไหลได้
• ดื่มน้ำมาก ๆ: การดื่มน้ำมาก ๆ สามารถช่วยให้เยื่อบุจมูกชุ่มชื้นและลดอาการน้ำมูกไหลได้

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

โดยทั่วไปแล้ว น้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุดจากภูมิแพ้หรือหวัดจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีอาการต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

• น้ำมูกมีสีเหลืองหรือเขียว
• น้ำมูกมีกลิ่นเหม็น
• มีไข้ร่วมด้วย
• ปวดศีรษะรุนแรง
• มีอาการไอ หายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก

สรุป

น้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุดมักเกิดจากภูมิแพ้หรือหวัด หากสงสัยว่าเกิดจากภูมิแพ้ให้พยายามหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และใช้ยาแก้แพ้ หากเกิดจากหวัดให้พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และใช้ยาพ่นลดอาการคัดจมูก หากมีอาการรุนแรงหรือไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา