เทวะจิต เทพจิตในตัวเรา

เทวะในความเชื่อของชาวพุทธ หมายถึง ผู้ที่สถิตอยู่ในเทวโลก มีลักษณะเป็นอมตะ มีวิมานเป็นที่อยู่ มีความสุขสบาย เหาะเหินเดินอากาศได้ และมีฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ เทวะบางพวก ก็มีหน้าที่คอยดูแลมนุษย์บนโลก เช่น พระภูมิเจ้าที่ พระพรหมที่คอยดูแลโลกมนุษย์ทั้งมวล

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทวะมิได้หมายถึงสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวเราเท่านั้น แต่ยังหมายถึง "เทวะจิต" หรือ "เทพจิต" ที่สถิตอยู่ในตัวเราด้วยเช่นกัน

เทวะจิตคืออะไร

เทวะจิต คือ ความรู้สึกนึกคิดที่ดีงาม ประเสริฐ สุจริต ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เมตตา กรุณา มีหิริโอตัปปะ มีความละอายต่อบาป ละเว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่น เป็นความรู้สึกนึกคิดที่มีคุณค่าสูงส่ง เป็นแสงสว่างที่ส่องนำชีวิตเราไปในทางที่ถูกที่ควร

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า เทวะจิตเป็นหนึ่งในเจตสิกธรรม 51 ประการ ซึ่งเป็นธรรมชาติของจิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต และทำหน้าที่ปรุงแต่งจิต ให้เกิดความรู้สึกนึกคิดต่างๆ เช่น ถ้าหากเราให้ทาน เราก็จะมีเจตสิกเกิดขึ้นมาปรุงแต่งจิตให้เกิดความสุข ถ้าเราฆ่าสัตว์ เราก็จะมีเจตสิกเกิดขึ้นมาปรุงแต่งจิตให้เกิดความทุกข์ เป็นต้น

ดังนั้น เทวะจิตจึงเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจเราที่มีอยู่แล้ว เพียงแต่เราจะต้องฝึกฝนตนเองให้เจริญเทวะจิตให้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพื่อให้เทวะจิตกลายเป็นนิสัยติดตัวเรา

เทวะจิตมีประโยชน์อย่างไร

การมีเทวะจิตจะทำให้เราเป็นคนดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า

• "ผู้มีเทวะจิตย่อมโน้มน้อมสัตว์โลกทั้งปวงให้รักใคร่"
• "ผู้มีเทวะจิตย่อมได้รับความสุข"
• "ผู้มีเทวะจิตย่อมประสบความสำเร็จในกิจการทั้งปวง"

นอกจากนี้ การมีเทวะจิตยังช่วยป้องกันเราจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้อีกด้วย เพราะเทวะจิตเป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องนำชีวิตเราให้พ้นจากความมืดมนแห่งกิเลสและอวิชชา

ทำอย่างไรจึงจะมีเทวะจิต

มีหลายวิธีที่จะฝึกฝนตนเองให้มีเทวะจิต เช่น

• การให้ทาน การให้ทานเป็นการแสดงออกถึงความเมตตา กรุณา และความไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นคุณธรรมของเทวะจิต เมื่อเราให้ทาน เราจะรู้สึกปีติ สุขใจ และมีจิตใจที่เบิกบาน
• การรักษาศีล การรักษาศีลเป็นการฝึกฝนตนเองให้ละเว้นจากการกระทำชั่วต่างๆ ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ เมื่อเราละเว้นจากการทำชั่ว เราก็จะรู้สึกสบายใจ มีสติปัญญาแจ่มใส และมีจิตใจที่ผ่องใส
• การเจริญภาวนา การเจริญภาวนาเป็นการฝึกฝนตนเองให้มีสมาธิ มีปัญญา และมีความเห็นที่ถูกต้อง เมื่อเราเจริญภาวนา เราจะได้รู้จักตนเอง รู้จักโลกรู้จักชีวิตมากขึ้น และจะทำให้จิตใจของเราสงบสุขและแจ่มใส
• การสวดมนต์ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจของเราสูงขึ้น และมีเทวะจิตเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
• การเจริญเมตตาภาวนา การเจริญเมตตาภาวนาเป็นการแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้มีความสุข ความเจริญ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจของเราอ่อนโยน มีความรักความเมตตา และมีเทวะจิตเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น

สรุป

เทวะจิตเป็นความรู้สึกนึกคิดที่ดีงาม ประเสริฐ สุจริต มีเมตตา กรุณา และมีความละอายต่อบาป การมีเทวะจิตจะทำให้เราเป็นคนดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต ดังนั้น เราจึงควรฝึกฝนตนเองให้มีเทวะจิตอยู่เสมอ โดยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ และเจริญเมตตาภาวนา

ตารางที่ 1: ประโยชน์ของเทวะจิต

ตารางที่ 2: วิธีฝึกฝนเทวะจิต

ตารางที่ 3: เทวะจิตกับความสำเร็จในชีวิต

คำถามที่พบบ่อย

1. เทวะจิตต่างจากเทพเจ้าอย่างไร

เทวะจิตเป็นความรู้สึกนึกคิดที่ดีงามที่สถิตอยู่ในตัวเรา ในขณะที่เทพเจ้าเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวเรา

2. เราจะมีเทวะจิตได้ตั้งแต่เกิดเลยหรือไม่

เทวะจิตไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด แต่เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝนตนเองให้เกิดขึ้น

3. การมีเทวะจิตสำคัญอย่างไร

การมีเทวะจิตจะทำให้เราเป็นคนดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต

4. เราจะเริ่มฝึกฝนเทวะจิตอย่างไร

เราสามารถเริ่มฝึกฝนเทวะจิตได้โดยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ และเจริญเมตตาภาวนา

**5. เราต้องฝึกฝนเทวะจิ