ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นมา ความคิดเรื่อง ห.ช. หรือ หุ้นส่วนจำกัด นั้นเป็นอะไรที่ผมให้ความสนใจมาก ด้วยความยืดหยุ่นของโครงสร้างธุรกิจนี้ จึงเหมาะกับการทำธุรกิจในหลายๆ รูปแบบ บทความนี้ผมจะมาอธิบายถึงเรื่องห.ช. ว่ามีความสำคัญอย่างไร มีข้อดีข้อเสียยังไง รวมถึงเรื่องที่ต้องระวังเมื่อจะจดทะเบียนห.ช. ครับ
ห.ช. หรือ หุ้นส่วนจำกัด เป็นนิติบุคคลประเภทหนึ่งที่จัดตั้งโดยผู้ถือหุ้น 2 ประเภท ได้แก่ 1. หุ้นส่วนผู้จัดการ และ 2. หุ้นส่วนสามัญ โดยหุ้นส่วนผู้จัดการจะเป็นผู้ที่มีอำนาจบริหารกิจการทั้งหมด และรับผิดชอบต่อหนี้สินของห.ช. ส่วนหุ้นส่วนสามัญจะมีหน้าที่ลงทุนในห.ช. และรับผิดชอบในส่วนของทุนที่ตนเองลงทุนเท่านั้น
ห.ช. มีความสำคัญอย่างมากในแง่ของการทำธุรกิจ โดยมีข้อดีดังนี้
แม้ว่า ห.ช. จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน
เมื่อจะจดทะเบียนห.ช. มีข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรรู้เพื่อหลีกเลี่ยง ได้แก่
เพื่อให้เข้าใจเรื่องห.ช. ได้ดียิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือเรื่องเล่าขำขันที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและข้อควรระวังเมื่อจะจดทะเบียนห.ช.
เรื่องที่ 1:
นาย A และนาย B ตกลงกันจะร่วมลงทุนเปิดร้านขายของชำ โดยนาย A เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ส่วนนาย B เป็นหุ้นส่วนสามัญ นาย A ลงทุน 500,000 บาท ส่วนนาย B ลงทุน 200,000 บาท กิจการดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งร้านขายของชำเกิดไฟไหม้เสียหายทั้งหมด นาย A และนาย B ต่างก็ตกใจและกังวลเพราะไม่มีประกันภัย
เนื่องจากนาย A เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จึงมีความรับผิดชอบต่อหนี้สินของห.ช. ทั้งหมด นาย A จึงต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวออกมาชดใช้หนี้สินที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงเงินที่นาย B ลงทุนไปด้วย ส่วนนาย B ในฐานะหุ้นส่วนสามัญ มีความรับผิดชอบเฉพาะส่วนของทุนที่ลงทุนเท่านั้น นาย B จึงสูญเงินไปเพียง 200,000 บาท
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีความเสี่ยงในการสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวมากกว่าหุ้นส่วนสามัญ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจจดทะเบียนห.ช. ควรพิจารณาความเสี่ยงและความรับผิดชอบต่างๆ ให้รอบคอบ
เรื่องที่ 2:
นาย C และนาย D เป็นเพื่อนสนิทกัน วันหนึ่ง นาย C ชักชวนนาย D ให้มาร่วมลงทุนเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง โดยนาย C เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ส่วนนาย D เป็นหุ้นส่วนสามัญ นาย C ลงทุน 1,000,000 บาท ส่วนนาย D ลงทุน 500,000 บาท
กิจการดำเนินไปได้ในช่วงแรก กิจการก็ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก นาย C และนาย D จึงตกลงที่จะปิดกิจการและแบ่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่ตามสัดส่วนการลงทุน แต่ปรากฏว่า ทรัพย์สินที่เหลืออยู่มีมูลค่าเพียง 200,000 บาทเท่านั้น
นาย C ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของห.ช. ทั้งหมด นาย C จึงต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวออกมาชดใช้หนี้สินที่เหลืออยู่ทั้งหมด ส่วนนาย D ในฐานะหุ้นส่วนสามัญ มีความรับผิดชอบเฉพาะส่วนของทุนที่ลงทุนเท่านั้น นาย D จึงสูญเงินไปเพียง 500,000 บาท
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นส่วนสามัญ โดยเฉพาะในกรณีที่กิจการประสบปัญหาขาดทุน ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ควรประเมินความเสี่ยงและความรับผิดชอบต่างๆ ให้รอบคอบ
**
2024-08-01 02:38:21 UTC
2024-08-08 02:55:35 UTC
2024-08-07 02:55:36 UTC
2024-08-25 14:01:07 UTC
2024-08-25 14:01:51 UTC
2024-08-15 08:10:25 UTC
2024-08-12 08:10:05 UTC
2024-08-13 08:10:18 UTC
2024-08-01 02:37:48 UTC
2024-08-05 03:39:51 UTC
2024-09-08 07:36:29 UTC
2024-09-08 07:36:54 UTC
2024-09-07 00:09:21 UTC
2024-09-07 00:09:49 UTC
2024-09-06 14:41:05 UTC
2024-09-06 14:41:20 UTC
2024-09-07 19:48:06 UTC
2024-09-07 19:48:34 UTC
2024-10-19 01:33:05 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:01 UTC
2024-10-19 01:33:00 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC