## ไม้เคี่ยม ราคา พุ่งกระฉูด! มูลค่าเพิ่มสูงทะลุฟ้า

ราคาไม้เคี่ยมพุ่งแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาไม้เคี่ยม ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นไม้ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทย โดยปัจจุบันราคาซื้อขายกันอยู่ที่ตันละ 1.5-2 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำเสียอีก

ปัจจัยหนุนราคาไม้เคี่ยมพุ่งสูง

ราคาไม้เคี่ยมที่พุ่งสูงนี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่

• ความต้องการที่เพิ่มขึ้น ไม้เคี่ยมเป็นไม้เนื้อแข็งคุณภาพสูงที่นิยมใช้ในการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และงานประณีตอื่นๆ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
• อุปทานที่ลดลง ไม้เคี่ยมเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่มีอายุยืนยาวกว่า 100 ปี การตัดไม้ทำลายป่าทำให้จำนวนต้นไม้เคี่ยมในธรรมชาติลดลงอย่างมาก ส่งผลให้อุปทานในตลาดลดลง
• ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น การผลิตไม้เคี่ยมต้องใช้เวลาและแรงงานมาก ต้นทุนในการตัดไม้ ขนส่ง และแปรรูปจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลาดไม้เคี่ยมในประเทศไทย

ตลาดไม้เคี่ยมในประเทศไทยมีมูลค่าหลายพันล้านบาท โดยผู้ผลิตไม้เคี่ยมส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย และลำปาง

ตลาดไม้เคี่ยมในต่างประเทศ

ไม้เคี่ยมยังเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน การส่งออกไม้เคี่ยมสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทย

โอกาสการลงทุนในไม้เคี่ยม

การลงทุนในไม้เคี่ยม ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีเงินทุนระยะยาว เนื่องจากราคาไม้เคี่ยมมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นและอุปทานที่ลดลง

ข้อควรระวังในการลงทุนในไม้เคี่ยม

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในไม้เคี่ยมควรคำนึงถึงความเสี่ยงบางประการ ได้แก่

• ความผันผวนของราคา ราคาไม้เคี่ยมอาจผันผวนตามปัจจัยต่างๆ เช่น เศรษฐกิจโลก และนโยบายภาครัฐ
• ความเสี่ยงด้านกฎหมาย การตัดไม้ทำลายป่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนั้นนักลงทุนต้องแน่ใจว่าไม้เคี่ยมที่ซื้อมาได้มาจากแหล่งที่ถูกกฎหมาย
• ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น อุทกภัยและไฟป่า สามารถทำลายต้นไม้เคี่ยมและลดมูลค่าการลงทุนลงได้

สรุป

ราคาไม้เคี่ยมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นและอุปทานที่ลดลง การลงทุนในไม้เคี่ยมถือเป็นโอกาสที่ดี แต่ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องคำนึงถึง